รีวิวดูหนังออนไลน์ เรื่อง Glass Onion: A Knives Out Mystery (2022) ฆาตกรรมหรรษาแสบสันต์และจัดจ้าน
โดยดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้นั้นมาในรูปแบบของภาคต่อของดูหนังออนไลน์ ถ้ายังจำกันได้ เมื่อปีค.ศ. 2019 ดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวนในแบบรหัสคดีเรื่อง Knives Out ฝีมือการกำกับของผู้กำกับฝีมือดีฝีมือเด็ดที่กำกับอะไรก็ดีอย่างผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน เข้าฉายในโรงดูหนังออนไลน์ เมื่อปี 2019 กระแสตอนนั้นเรียกว่ามาแรงมาก ๆ ทั้งการขนดาราระดับ A-List มาร่วมแสดงคับคั่ง การเอา เดเนียล เคร็ก ที่ยังติดภาพสายลับสุดเท่ เจมส์ บอนด์ มารับบทนักสืบอัจฉริยะมาดกวน เบอนัวต์ บลองก์ รวมทั้งพล็อตแนวไขคดีฆาตกรรมที่เขย่าผสมจังหวะตลกร้ายออกมาได้สนุกลงตัว
ดูหนังออนไลน์ 4k ดูหนังออนไลน์ฟรี
จนทำให้จอห์นสันได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมแถมภาคแรกเลยกวาดรายได้ทั่วโลกเข้ากระเป๋าค่ายไลออนส์เกต ไปเหนาะ ๆ 312 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างแค่ 40 ล้านเหรียญ ในยุคที่ดูหนังออนไลน์ ซูเปอร์ฮีโรเกลื่อนเมือง รายได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ไม่ธรรมดาจนถึงขั้นที่ Netflix ต้องยอมทุ่มเงิน 450 ล้านเหรียญ เพื่อซื้อสิทธิ์การผลิตภาค 2 มาไว้กับตัว พูดง่าย ๆ คือ Netflix ก็ต้องการดูหนังออนไลน์ ที่หน้าดูหนังออนไลน์ ดี การันตีคำชมมาประดับแพลตฟอร์มนั่นแหละ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อดูหนังออนไลน์ แปลก ๆ ในภาคนี้ว่าดูหนังออนไลน์ Glass Onion: A Knives Out Mystery หรือดูหนังออนไลน์ ‘ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน’ หนังเรื่องนี้แหละครับท่านผู้อ่านเรื่องเริ่มต้นที่ ไมล์ส บรอน มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อัลฟา ได้ส่งบัตรเชิญเข้าร่วมวงทริปพักร้อนประจำปีบนเกาะส่วนตัวสุดหรูไปถึงบรรดาเหล่าก๊วนเพื่อนสนิทต่างขั้วของเขาเอง ทั้ง เบอร์ดี เจ อดีตนางแบบที่ผันตัวมาทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ดูค โคดีสตรีมเมอร์กล้ามบึ้กผู้คลั่งความเป็นชายแท้ แคลร์ เดเบลลา ผู้ว่าการรัฐคอนเน็ตทิคัตที่กำลังลงสมัครเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกด้วยการชูนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ไลโอเนล ตุสแซง นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ แอนดี แบรนด์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งอัลฟา และ เบอนัวต์ บลองก์ นักสืบอัจฉริยะที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกเชิญมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่อยู่ดี ๆ ก็มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นกลางทริปนั้น เบอนัวต์ บลองก์ จึงต้องลงมือไขคดีปริศนาเพื่อหาให้ได้ว่าใครฆ่าเพื่อนกันแน่ ถ้าภาคที่แล้วคือการเล่าเรื่องในสไตล์ Whodunnit ในแบบนิยายของ อกาธา คริสตี ที่มีแนวทางของตัวเองชัดเจน เน้นวิธีการหักมุมของตัวเนื้อเรื่อง ปั่นรวมกับความแพรวพราวของตัวบทที่สอดแทรกมุกตลกร้าย มุกแซวประเด็นสังคม และฝีมือการแสดงขั้นเทพของเหล่านักแสดง ซึ่งจริง ๆ ครึ่งแรกของภาคนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นนะครับ เพราะตัวดูหนังออนไลน์ ครึ่งแรกให้เวลาไปกับการปูเรื่อง ปูตัวละคร และปูเนื้อเรื่องเข้าสู่ความเป็น Whodunnit และเอากลิ่นอายแนวฆาตกรรมตลกร้ายในสไตล์ Knives Out กลับมาใช้ แต่ว่าเนื้อเรื่องทั้งสองภาคไม่ได้ต่อกันนะครับ ไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ได้ แต่ถ้าดูแล้วก็จะพอเข้าใจกลิ่นอายของความเป็นดูหนังออนไลน์ Knives Out มากขึ้นซึ่งรวมไปถึงธีมการจิกกัดประเด็นร่วมสมัย ที่จะว่าไปมันก็เป็นแนวทางของ Knives Out ไปซะแล้วล่ะ โดยเฉพาะครึ่งแรกของตัวดูหนังออนไลน์ ที่หล่อเลี้ยงกราฟความบันเทิงด้วยการจิกกัดวิถี New Normal แถมยังหันไปจิกกัดเหล่าบรรดานักธุรกิจวงการ Tech Company ด้วย โดยเฉพาะบรรดา Tech Nerd และที่ผู้เขียนชอบมากโดยส่วนตัวก็คือ การแซะคำว่า Disruption ครับ คือไม่ได้แค่เอามาแซะผ่านคาแรกเตอร์ตัวละครอย่างเดียว แต่ยังแอบแซะเหล่า Disruptor ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ต่างจากนักธุรกิจฟอนเฟะนั่นแหละ ทั้งหมดนี้สะท้อนผ่านไดอะล็อกของ ไมล์ส บรอน ได้ย้อนแย้งแสบง่ามใจมาก ๆ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้ทรงเลยว่าอีตานี่มัน อีลอน มัสก์ ผสม สตีฟ จอบส์ ชัด ๆ แถมยังทำออกมาได้โคตรจะบันเทิงเลยแหละแต่ความบันเทิงของภาคนี้กลับไม่ได้อยู่ที่ครึ่งแรกครับ แต่กลายเป็นว่าพอตัวดูหนังออนไลน์ ตัดเข้าครึ่งหลังนี่คือถึงกับหน้าแหกกันเลยทีเดียว เพราะอันที่จริงแล้วมาถึงตรงนี้ นอกจากคนดูเพิ่งจะรู้ว่าปริศนามันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดอย่างเดียว คือมันไม่ใช่แค่นั่งลุ้นว่าใครตาย และใครเป็นฆาตกรเท่านั้น เพราะถ้ามันมีแค่นั้นจริง ๆ
ดูหนังออนไลน์ คงสรุปจบภายในชั่วโมงเดียวก็พอ
จนกระทั่งตัวดูหนังออนไลน์ ค่อย ๆ ลอกเปลือกตัวเอง เผยผิวออกมาให้เห็นว่า จริง ๆ Glass Onion ไม่ได้เป็นแค่ชื่อบาร์ในเรื่อง หรือแค่เอาชื่อเพลงของ ‘The Beatles’ เท่านั้น แต่มันคือธีม คอนเซ็ปต์การเล่าเรื่องและการวางคำใบ้ต่างหากเล่าคือแทนที่ตัวดูหนังออนไลน์ จะพยายามกลืนเบาะแสไปกับตัวเส้นเรื่องเหมือนภาคแรกแล้วให้คนดูค่อย ๆ ผูกปมเอาเอง แต่ดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้ แม้สถานการณ์จะชวนให้เดายาก เพราะตัวละครทุกตัวก็อยู่ในที่เดียวกัน และทุกคนก็ดูน่าสงสัยหมด แต่ตัวดูหนังออนไลน์ กลับค่อย ๆ ให้เวลาเฉลยออกมาว่า จริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องมันยังมีความหักเหลี่ยมเฉือนคมยิ่งกว่าที่รู้จาก